ใบหน้าดูแก่ สิ่งหนึ่งในนั้น เกิดจากร่องน้ำตา , ร่องน้ำตา อยู่ตรงไหน ? ให้เรามาดูรอยต่อระหว่างเปลือกตาล่ากับบริเวณแก้ม และมักจะเริ่มจากด้านใน ลากลงมา ออกด้านข้างถึงบริเวณกลางๆลูกตา
ถามว่าร่องน้ำตา พบเฉพาะในคนสูงอายุหรือไม่ , ตอบว่าไม่นะครับ อย่างคนอายุน้อยๆ ก็พบได้ ทำให้เรารู้มันน่าจะมีเกิดจากกายวิภาคเกิดการยึดเกาะกับเนื้อเยื้อรอบๆดวงตา ทำให้บางคนเกิดมา ก็มีติดตัวมาเลย
แต่สำคัญอีกอัน คือ "มันเปลี่ยนแปลงตามอายุได้เหมือนกัน"

อายุน้อยๆ ที่มีร่องน้ำตา บางวันถ้าพักผ่อนมาเยอะๆ ปกติ ก็จะไม่ค่อยเห็น แต่ถ้าหยีตา , ขมวดคิ้ว หรือแม้แต่วันที่ร้องไห้หนักมาก ก็อาจจะทำให้ร่องน้ำตากลับมาเห็นชัดได้
ถ้ามาดูกายวิภาคแถวๆร่องน้ำตา มันมีกล้ามเนื้อทั้งบนและล่างของรางนี้(ขอใช้คำว่า ราง แทนละกันนะครับ จะทำให้เห็นภาพชัดว่าคล้ายๆรางน้ำ และมีเนินดินอยู่ทั้งสองฝั่ง) ซึ่งกล้ามเนื้อนี้ ก็ยิ่งเพิ่มความชัดของร่องน้ำตาได้มากขึ้น ยิ่งถ้าสูงอายุ จะมีเห็นชัดมาถึงด้านข้างด้วย ซึ่งก็เกิดจากกล้ามเนื้อที่ยึดติดกับกระดูกด้านใต้มันเช่นเดียวกัน
และเมื่ออายุมากขึ้น สิ่งที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจน คือร่องนี้จะยาวขึ้น ทำให้แยกระหว่าง ใต้ตา กับแก้มชัดมากขึ้น

ขอสรุปอีกที เพื่อให้เข้าใจได้ชัดเจนขึ้นครับ
ร่องน้ำตาเกิดได้ทุกอายุ
อายุมากขึ้น จะร่องยาวขึ้นมากขึ้น มาถึงโหนกแก้ม
กล้ามเนื้อยึดระหว่างร่องขยับได้ง่าย ทำให้เห็นร่องลึกจากกล้ามเนื้อและการยึดติดกับกระดูกรอบเบ้าตา
อาจจะมีผังผืดบางอันที่พบได้เฉพาะในบางคน แถวๆด้านในของร่องน้ำตา

ถ้าเราไล่ไปตามรางกล้ามเนื้อสองมัดนี้ ที่ทำให้เกิดร่องน้ำตา จากด้านในสุด รางกว้าง 8 ม.ม. และวิ่งไปเรื่อยๆถึงด้านนอกของเบ้าตา

แล้วทำไม พอสูงอายุขึ้น จึงเห็นร่องน้ำตาเยอะขึ้น เพราะ
เพราะรางกล้ามเนื้อ และร่อง 8 ม.ม. อย่างที่บอกไป
ความแตกต่างระหว่างผิวหนังรอบดวงตา ซึ่งคลำ , บางกว่า มีไขมันน้อยกว่า , ต่างกับผิวหนังใต้ร่องที่มีผิวหนังหนากว่า ไขมันเยอะกว่า ทำให้เห็นความแตกต่างระหว่าง 2 โซนนี้
บางคนมีถุงไขมันห้อยออกมาอีก ทำให้ยิ่งเห็นเด่นชัดเข้าไปใหญ่
ประเมินก่อนผ่าตัด ก่อนทำผ่าตัด เรามาแบ่งเกรดระดับความรุนแรงของร่องนี้กันก่อนครับ
เกรด 1 เห็นน้อย , อาจจะไม่ต้องทำอะไร
เกรด 2 เริ่มเยอะขึ้น และอันนี้เริ่มมีข้อบ่งชี้ในการผ่าตัดแก้ไขแล้ว , ยกเว้นบางคนอาจจะยังไม่อยากผ่าตัด ก็ใช้วิธีรักษาแบบไม่ตอ้งผ่าตัดก่อน
เกรด 3 เกรด 3 และ 4 ถือเป็นข้อบ่งชี้ในการทำผ่าตัดแล้ว
เกรด 4





การรักษาแบบไม่ต้องผ่าตัด
เกรด 1 หรือ 2 เป็นไม่เยอะ อาจจะใช้เพียงฟิลเลอร์ หรือ โบท๊อกซ พอจะช่วยได้
การใช้ฟิลเลอร์ ก็เพื่อเติมเต็มในส่วนที่เป็นร่อง เนื้อที่เป็นหลุม เติมโวลุ่มที่หายไป ให้นูนขึ้นมาได้
ส่วนการใช้ โบท๊อกซ์ ก็เพื่อให้กล้ามเนื้อที่เป็นราง ทั้งบนและล่างอ่อนลง ทำให้ดูซอฟท์ขึ้น ซึ่งอาจจะพบช่วยได้กรณีที่เป็นร่องน้ำตาแต่เนินๆ ไม่ได้เป็นเยอะ ไม่ลึก เพราะถ้าเป็นเยอะ หรือเป็นลึก การใช้สองวิธีนี้ ดูจะไม่พอที่จะคลายกล้ามเนื้อ
แต่อย่างที่เรารู้ๆกันว่า ถ้าจะเลือกฟิลเลอร์ กลุ่ม ไฮยา (Hyarluronic acids ) มาใช้รอบๆดวงตา ก็ต้องระวังเรื่องผลแทรกซ้อนเป็นหลัก รวมถึงต้องเลือกกลุ่มที่สลายได้ด้วย (ห้ามใช้แบบสารถาวรเด็ดขาด)
และแน่นอนผู้ที่จะฉีด ก็ต้องเป็นผู้เชียวชาญ เพื่อไม่ให้ไปทำลายเส้นเลือด เส้นประสาท ซึ่งจะทำให้เกิดการผิดรูปของร่องน้ำตาได้
การฉีดฟิลเลอร์ มีทั้งแบบฉีดชั้นตื้น และชั้นลึก , ถ้าฉีดชั้นลึก ก็ควรฉีดไปทางด้านล่างกว่าร่องน้ำตา หน้ากระดูกเบ้าตา เพื่อเป็นการแก้ใบหน้าตอบในผู้สูงอายุบางคน (อายุมากขึ้น ทำให้กระดูกใบหน้าส่วนเบ้าตา โหนกแก้มยุบเล็กลงบางส่วน) และการเติมในชั้นลึกนี้ เพื่อเป็นการเพิ่มโวลุ่ม ซึ่งแน่นอนว่าต้องใช้ปริมาณที่เยอะพอสมควร
ฟิลเลอร์ที่เลือกฉีด หมออาจจะเลือกแบบเข็มทู่( blunt cannula) เพื่อให้ทำลายเส้นเลือดน้อย และสารที่ฉีด ถ้าเหนียวหนืด จะเลือกฉีดในชั้นตื้น เพื่อไม่ให้คลำได้มากนัก
ถามว่าจะฉีดเหนือ หรือ ต่ำกว่า ร่องน้ำตา ? ต้องฉีดต่ำกว่าร่องน้ำตานะครับ เพราะถ้าไปฉีดเหนือร่องน้ำตา บางทีทำให้เห็นเป็นถุงน้ำตา ยิ่งดูแย่ขึ้นไปอีก , หลังฉีดอาจจะนวดคลึงเบาๆ เพื่อให้ดูเรียบ ซอฟท์ขึ้น
การใช้โบท๊อกซ์เป็นตัวเสริม โดยฉีดปริมาตร ครึ่งหนึ่งของที่ฉีดตีนกา และพวกนี้จะฉีดในชั้นตื้น ทั้งบนและล่างกว่าร่องน้ำตาครับ
การเติมไขมัน (Fat Grafting)
การเติมไขมัน สิ่งที่ต้องระวัง คือ การเป็นคลำได้ หรือเห็นเป็นก้อนๆ พร้อมด้วยเทคนิคการฉีดแบบใบพัด ในหลายๆชั้นไขมัน
เรามาดูผลจากการใช้วิธีไม่ผ่าตัด , โดยใช้ฟิลเลอร์ และโบท๊อกซ์กัน

อายุ 32 ปี , ร่องน้ำตา เกรด 2 , ฉีดเติม 0.6 ซี.ซี. ฟิลเลอร์ ภาพขวาหลัง 2 เดือน

อายุ 33 ปี เกรด 2 เหมือนกัน , ฉีดฟิลเลอร์ เห็นร่องน้ำตาตื้นขึ้นชัดเจน

อายุ 42 ปี เกรด 2 (แต่ดูมีถุงใต้ตาด้านขวาเยอะ) ฉีดฟิลเลอร์ ได้ผลค่อนข้างดีมาก ถุงใต้ตาดูจางลงด้วย

อายุ 62 ปี , ร่องน้ำตาเกรด 3 สังเกตุว่ากรณีนี้ คงต้องผ่าตัดแล้ว แต่คนไข้ยังไม่อยากผ่าตัด อยากฉีดฟิลเลอร์ ,ฉีด 1.4 ซี.ซี เพิ่มโวลุ่มโหนกแก้มด้วย ดูดีขึ้น แต่ยังเหลือร่องอยู่บ้าง

42ปี มีร่องน้ำตาเกรด 2 ฉีดทั้งฟิลเลอร์และเติมไขมัน ,สังเกตุว่าหลังเติมไขมันจะอยู่ได้นานกว่า , ภาพขวาหลัง 18 เดือน

การฉีดฟิลเลอร์ บางทีอาจจะโดนเส้นเลือดบริเวณร่องนี้ได้ ทำให้เขียวช้ำ แต่รอยเขียวช้ำ สักพักจะค่อยๆจางลงได้ครับ
กรณีปัญหาเกิดจากการฉีดฟิลเลอร์พวกไฮยา Hyaluronic acid มากเกินไป เป็นก้อน แข็ง , มันก็มีตัวสลายได้ แต่ต้องระวัง ไม่ใช่พร่ำเพรือเกินไป เพราะมันจะสลายทุกยีห้อที่เป็นไฮยานะ
ส่วนปัญหาแทรกซ้อนอันหนึ่งที่พบไม่บ่อย แต่สำคัญมากๆ คือ มีผลกับการมองเห็น หรือแม้แต่ตาบอดจากการฉีดฟิลเลอร์ยังได้ (เข้าไปในเส้นเลือด Angular ) โดยหมอคนฉีดอาจจะต้องระวังโดยการไม่ฉีดแรงเกินไป หรือถ้าฉีดแล้วเกิดอาการปวด ก็รีบหยุดทันที

เส้นเลือดที่ต้องระวังตอนฉีดฟิลเลอร์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาผลแทรกซ้อนตาบอดได้
การทำผ่าตัดถุงใต้ตา ร่องน้ำตา
การผ่าตัดกรีดเก็บกล้ามเนื้อรองฐานตาเล็กน้อย , เข้าไปพยายามเลาะรางกล้ามเนื้อให้หลุดจากกระดูกโดยเฉพาะด้านใน ซึ่งจะทำให้หมอผ่าตัดเห็นกล้ามเนื้อมัดหนึ่ง ซึ่งแสดงว่าได้เลาะครบแล้ว จากรูป น่าจะดูยากหน่อยคับ แต่โดยปกติ จะเห็นตรงที่กรอบสีน้ำเงิน เพื่อบอกว่า รางกล้ามเนื้อนั้นได้หลุดไปแล้ว

และการเลาะผังผืด จะเลาะจากด้านใน ออกมาด้านนอกให้หมด โดยแน่นอนว่าการเลาะในขั้นตอนผ่าตัด จะต้องระวังเส้นประสาท และเส้นเลือดด้วย ตรงบริเวณนี้ อาจจะมีเส้นประสาที่ทำให้ชาๆแถวริมฝึปาก ซึ่งในช่วงแรก จะชาทุกราย เพราะต้องฉีดยาชาบริเวณนี้ แต่หลังจากนั้น จะค่อยๆดีขึ้น
เมื่อเลาะรางกล้ามเนื้อออก และยกขึ้นด้านบนแล้ว เราก็ต้องป้องกันไม่ให้ผังผืดพวกนี้กลับไปติดที่เดิม ซึ่งโดยมากมักจะใช้ไขมันในเบ้าตาที่เราจะต้องเอาออกอยู่แล้ว มาเย็บขั้นไว้หน่อยหนึ่ง อันนี้จะช่วยรองร่องน้ำตา และช่วยกลับมาเป็นซ้ำได้อีกด้วย
ถามว่าถุงไขมันทำยังไง , ก็มีได้หลายวิธี ขึ้นกับปริมาณไขมันมากน้อยแค่ไหน ถ้ามากๆ ก็อาจจะต้องเอาออกให้พอดี ไม่ให้เกิดการบุ๋มในอนาคต
จากนั้นจะยึดกล้ามเนื้อกับกระดูก เรียกว่าแขวนไว้ก็ได้ เพื่อให้หนังตาล่างถูกยึดให้ตึง ไม่กลับมาหย่อนง่าย

เลาะรางกล้ามเนื้อขึ้นแล้วทั้งหมด จะเห็นกล้ามเนื้อมัดล่าง และเส้นประสาท เส้นเลือด
คนไข้ 42 มีร่องน้ำตาเกรด 2 ทำผ่าตัดตาล่าง และย้ายไขมัน พร้อมทั้งยกแก้มกลาง ทำให้ดูรอบดวงตาดีขึ้น , ภาพขวา 4 ปี หลังจากตกแต่งตาล่าง

45ปี ร่องน้ำตาเกรด 4 ทำผ่าตัดตกแต่งถุงใต้ตา ย้ายไขมัน , ภาพขวาหลังทำ 9 เดือน

63ปี ร่องน้ำตาเกรด 3 , ทำผ่าตัดตาบน ยกคิ้ว และผ่าตัดถุงใต้ตา ย้ายไขมัน พร้อมทั้งเติมไขมันช่วงกลางแก้ม , หลังทำ 9 เดือน หน้าดูอ่อนวัยขึ้น สดใสขึ้น

ผลแทรกซ้อนหลังทำที่อาจพบได้
หลังทำผ่าตัดทุกอย่าง สามารถเกิดผลแทรกซ้อนได้ เพราะฉะนั้นถ้าเป็นไปได้ การติดต่อสือสารระหว่างแพทย์กับคนไข้ หมอถือว่าสำคัญมาก และโดยเฉพาะปัจจุบัน การมีไลน์ เฟส ทำให้สามารถติดต่อสือสารกันได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้แก้ปัญหาให้ทันทวงทีครับ
ปัญหาเช่นภาวะเลือดออกใต้ตาบริเวณที่ทำผ่าตัด ซึ่งการป้องกันอันดับแรกคือการประคบเย็น ซึ่งถือว่ามีความสำคัญมากในช่วง 3 วันแรก
ตาแหก หนังตาน้อย ต้องระวังในคนที่เคยทำผ่าตัดมาก่อน หรือมีส่วนซับพอตกล้ามเนื้อด้านหางตาน้อยเกินไป ทำให้ตาห้อยลงมาได้ ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ที่วิเคราะห์คนไข้ตั้งแต่ก่อนทำผ่าตัด รวมถึงหลังทำผ่าตัด ต้องพยายามดูแล ไม่ก้มหน้ามากเกินไป ทำให้น้ำหนักยาชาที่บวม มีผลทำให้เปลือกตาล่างห้อยลงมาได้
การที่่หนังตาจะหดลงมา อาจจะพบในคนที่เคยมีปัญหาเลือดออกมา และมักจะพบได้ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 1 ถึง 3 เดือน ซึ่งช่วงนี้อาจจมีวิธีป้องกันต่างๆ เช่นไม่ก้มหน้าเยอะ ,นวดขึ้นบ่อยๆ ก็ทำให้ดีขึ้นได้ แต่ช่วงแรกนี้ ควรจะติดตามการรักษากับแพทย์เป็นระยะครับ
Reference
Aesthetic Plastic Surgery in Asian